การเรียงลำดับของรูปแบบรายงาน
การจัดรูปแบบการเขียนรายงาน เรียงลำดับตามนี้
- หน้าปก –> คลิ๊กอ่านรายละเอียด
- หน้ารองปก (กระดาษเปล่า)
- หน้าปกใน (รายละเอียดเหมือนหน้าปกแต่ใช้กระดาษสีขาว)
- คำนำ (คลิ๊กอ่านรายละเอียด)
- สารบัญ (คลิ๊กอ่านรายละเอียด)
- เนื้อเรื่อง (คลิ๊กอ่านรายละเอียด)
- บรรณานุกรม หรือ เอกสารอ้างอิง (คลิ๊กอ่านรายละเอียด)
- ภาคผนวก (คลิ๊กอ่านรายละเอียด)
- รองปกหลัง (กระดาษเปล่า)
- หน้าปกหลัง
- ซ้าย ระยะห่างเท่ากับ 1.5 นิ้ว
- ขวา ระยะห่างเท่ากับ 1 นิ้ว
- บน ระยะห่างเท่ากับ 1.5 นิ้ว
- ล่าง ระยะห่างเท่ากับ 1 นิ้ว
กุมภาพันธ์
16
ตัวอย่างหน้าปกรายงาน หน้าปกรายงาน
ตัวอย่างหน้าปกรายงาน มีรูปแบบดังนี้
วิธีทำตัวอย่างหน้าปกรายงาน
วิธีการทำนั้นไม่ยากเลยครับ เพี้ยงเราแก้ตรง ข้อมูลส่วนตัวของเราไปแทนที่ได้เลย แต่บางครั้งรูปแบบของแต่ละโรงเรียนอาจไม่เหมือนกันนะครับ ถ้าอาจารย์สั่งรูปแบบของอาจารย์ เราก็เปลี่ยนตาม แต่ถ้าไม่ได้สั่งรูปแบบมาก็ยึดตามรูปแบบนี้ได้เลยครับภาพด้านบนเป็น ตัวอย่างหน้าปกรายงานที่ผมทำขึ้น โดยเป็นตัวอย่างให้ดูคร่าวๆนะครับ เพื่อเป็นแนวทางในการทำ ยังไงก็ลองเอาไปปรับใช้กับรายงานได้ตามสะดวกเลยนะครับ
กุมภาพันธ์
10
รูปแบบ การเขียนหน้าปกรายงาน
รูปแบบ การเขียนหน้าปกรายงาน มีส่วนต่างๆ ดังนี้
ชื่อเรื่อง
จัดทำโดย
ชื่อ นามสกุล ผู้ทำรายงาน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ xx เลขที่ xx
ชั้นประถมศึกษาปีที่ xx เลขที่ xx
เสนอ
อาจารย์xxx xxx
อาจารย์xxx xxx
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา xxxxxx
ชื่อโรงเรียน
ภาคเรียนที่ xx ปีการศึกษา xxxx
ชื่อโรงเรียน
ภาคเรียนที่ xx ปีการศึกษา xxxx
เมื่อ copy ไป วางใน word พื้นหลังจะมีสีดำแก้โดย วิธีทำดังนี้
กุมภาพันธ์
10
ตัวอย่างคำนำรายงาน
ตัวอย่างคำนำรายงาน
รายงานเล่มนี้่่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชา…….ชั้น…เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้
ในเรื่่อง……..และได้ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อเป็นประโยชน์กับการเรียน
ผู้จัดทำหวังว่า รายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน หรือนักเรียน นักศึกษา ที่กำลัง
หาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และขออภัยมาณ ที่นี้ด้วย
ผู้จัดทำ
วันที่…………….
กุมภาพันธ์
14
การเขียนคำนำรายงาน
การเขียนคำนำรายงาน
มีวิธีการเขียน ดังนี้
ผู้อ่านอยากติดตามต่อ
เพื่อประโยชน์กับใคร ที่จะได้มาอ่านบทความนี้
ลักษณะของการเขียนคำนำรายงานที่ดี ตามหลักของ ราชบัณฑิต บอกไว้ว่า
1. เขียนด้วยคำพังเพย หรือสุภาษิตที่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
2. เขียนอธิบายความหมายของเรื่อง
3. เขียนโดยขึ้นต้นด้วยคำกล่าวของบุคคลสำคัญ
4. เขียนด้วยการเล่าเรื่อง
5. เขียนด้วยคำถามหรือปัญหาที่สนใจ
6. เขียนด้วยการอธิบายชื่่อเรื่อง
7. เขียนคำนำด้วยคำกล่าวถึงจุดประสงค์ของเรื่องที่เขียน
8. เขียนด้วยการกล่าวถึงใจความสำคัญของเรื่องที่เขียน หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านนะครับ
ขอบคุณคับ
ยังไงก็ลองเอาแนวคิดและวิธีไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับการเขียนคำนำรายงานที่ทำนะครับ
มีวิธีการเขียน ดังนี้
การเขียนคำนำรายงานนั้นในส่วนของย่อหน้าแรกเราควรเขียนเพื่อเกริ่นเนื้อเรื่องไปก่อนโดย
ยังไม่เข้าเนื้อเรื่อง แต่ควรพยายามพูดชักจูงให้ผู้อ่านสนใจ หรือพูดที่มาที่ไป ก่อน เพื่อให้ผู้อ่านอยากติดตามต่อ
ส่วนต่อมาควรกล่าวเริ่มเข้าเนื้อเรื่องของเราว่าเราจะทำรายงานเกี่ยวกับอะไร และมี
เรื่องอะไรบ้าง หรือพูดถึงเฉพาะเรื่องสำคัญๆ ก็ได้ และตอนสุดท้ายก็ปิดท้ายว่าทำเพื่ออะไรเพื่อประโยชน์กับใคร ที่จะได้มาอ่านบทความนี้
และก็อาจกล่าวขอบคุณอาจารย์ผู้สอนหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับรายงาน และปิดท้ายด้วย
การขอรับข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้รายงานดีขึ้นลักษณะของการเขียนคำนำรายงานที่ดี ตามหลักของ ราชบัณฑิต บอกไว้ว่า
1. เขียนด้วยคำพังเพย หรือสุภาษิตที่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
2. เขียนอธิบายความหมายของเรื่อง
3. เขียนโดยขึ้นต้นด้วยคำกล่าวของบุคคลสำคัญ
4. เขียนด้วยการเล่าเรื่อง
5. เขียนด้วยคำถามหรือปัญหาที่สนใจ
6. เขียนด้วยการอธิบายชื่่อเรื่อง
7. เขียนคำนำด้วยคำกล่าวถึงจุดประสงค์ของเรื่องที่เขียน
8. เขียนด้วยการกล่าวถึงใจความสำคัญของเรื่องที่เขียน หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านนะครับ
ขอบคุณคับ
ยังไงก็ลองเอาแนวคิดและวิธีไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับการเขียนคำนำรายงานที่ทำนะครับ
กุมภาพันธ์
18
ตัวอย่างบรรณานุกรม
ตัวอย่างบรรณานุกรม มีรูปแบบดังนี้
รูปแบบการเขียนบรรณานุกรม
ชื่่อ-นามสกุลผู้แต่ง. (ปีที่พิมพ์). ชื่อหนังสือ. เมืองที่พิมพ์ ผู้รับผิดชอบในการพิมพ์.เมื่อ copy ไป วางใน word พื้นหลังจะมีสีดำแก้โดย วิธีทำดังนี้
กุมภาพันธ์
10
บรรณานุกรม
มีนาคม
7
วิธีใส่เลขหน้า word 2007
กุมภาพันธ์
20
วิธีตั้งค่าหน้ากระดาษให้รายงาน
การเขียนคำนำรายงาน ตามแบบฉบับของผมครับ
การเขียนคำนำรายงาน ง่ายๆสไตล์ผมเองครับ
สวัสดีครับวันนี้ผมยินดีมากที่จะได้มาพูดเกี่ยวกับเรื่องการทำรายงาน โดย วิธีทำนั้นเราต้องประกอบไปด้วยส่วนต่างๆมากมายหลายส่วน และการจะทำแต่ละส่วนได้ก็ต้องศึกษาว่าเรื่องนั้นต้องเขียนอย่างไรบ้างจึงจะ ออกมาดี โดยการทำรายงานต้องมีส่วนต่างๆ ดังนี้ครับ หนึ่งหน้าปก สองคำนำ สามสารบัญ สี่ เนื้อเนื้อ และสุดท้ายคือเอกสารอ้างอิงหรือบรรณานุกรมครับ โดยในส่วนของวันนี้ผมจะขอมานำเสนอเรื่อง คำนำเพราะคำนำเป็นเหมือนกับการเปิดประเด็นเรื่องราวออกมาให้ผู้อ่าน ได้เริ่มรู้จักกับรายงานของเราโดยคำนำนั้นตอนเริ่มเรายังไม่ต้องบอกเนื้อหา ว่ามีอะไรบ้างจนหมดนะครับเพราะการเขียนคำนำรายงานนั้นเรา ก็ต้องกั๊กไว้ซักนิดก่อน พยายามค่อยๆให้ผู้อ่านติดตามเราและรู้สึกตื่นเต้นไปกับเนื้อหาของเราแล้ว ค่อยพาเค้าเข้าเรื่องของเราครับ
โดยการเขียนคำนำรายงานเริ่มได้ดังนี้ครับ หนึ่งพูดหว่านล้อมเกี่ยวกับเรื่องที่เกี่ยวข้อง เช่นเราอาจจะใช้โวหารบรรยายไปถึงสิ่งต่างเพื่อจะมาเปรียบเทียบเชื่อมโยงกับ เนื้อหารายงานของเราครับ ต่อมาให้พูดถึงประเด็นหลักๆ ว่ารายงานของเรามีเรื่องอะไรอยู่บ้างที่สำคัญๆ ให้บอกเรื่องใหญ่ที่เป็นประเด็นครับ แล้วก็ค่อยๆ บอกเนื้อเรื่องพร้อมเขียนเชิงเชิญชวนให้ไปอ่านต่อในส่วนของเนื้อเรื่องครับ แค่นี้เองครับในส่วนของคำนำที่เราจะต้องเขียน
เราอาจจะต้องมีการดูเรื่องคำพูดให้สละสลวยเพื่อความน่าอ่านของผู้ที่ได้ มาอ่านคำนำของเรา และเราอาจต้องวางโครงเรื่องไว้ก่อนด้วยเพื่อจะได้พูดได้ครอบคลุมเรื่องต่างๆ นั้นจนหมด แล้วยังมีเรื่องของคำผิดด้วยนะครับที่ต้องระวังเพื่อให้ให้เกิดคำผิดพลาดบน รายงานของเราเพื่อจะได้คำนำที่ออกมาอย่างถูกต้องและน่าอ่านครับ
สุดท้ายนี้การเขียนคำนำรายงานไม่ใช่เรื่องที่ยากเลยนะ ครับเพียงแต่เพื่อนๆ ต้องหมั่นคอยฝึกฝนตนเองเป็นประจำแล้วก็จะช่วยให้เพื่อนๆ เขียนได้อย่างคล่องแคล่วลื่นไหล ไม่ติดขัด เพราะเคยมีคนกล่าวไว้ว่าถ้าเราทำสิ่งใดซ้ำไปเรื่อยๆ เราก็จะชำนาญในเรื่องนั้นไปเองครับถึงกับเป็นผู้ชำนาญในด้านนั้นเลยก็ว่าได้ ครับ และถ้าเพื่อนๆคนไหนต้องการเป็นผู้ชำนาญในการเขียนคำนำรายงาน หรือการเขียนรายงานแล้ว อย่าลืมนำสิ่งที่ผมบอกลองไปปฏิบัติกันดูนะครับเผื่อวันหนึ่งเราจะได้เป็นผู้ เชี่ยวชาญด้านการทำรายงานที่ใครๆ ก็ต้องตกใจกับฝีมือของเราเลยก็ว่าได้ครับ และหากเพื่อนอยากลองดูตัวอย่างคำนำรายงานแบบง่ายๆ คลิ๊กเลยครับ ขอบคุณครับ
กุมภาพันธ์
16